designhotelsguide.com
00 ฉันจะปรับการใช้สารละลายบัฟเฟอร์ pH ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร?
Solution CH 3 COOH and CH 3 COONa CH 3 COOH CH 3 COO – 2. Solution H 3 PO 4 and NaH 2 PO 4 H 3 PO 4 H 2 PO 4 – 3. Solution NaH 2 PO 4 and Na 2 HPO 4 NaH 2 PO 4 HPO 4 2- 4. Solution H 2 CO 3 and NaHCO 3 H 2 CO 3 HCO 3 – 5. Solution NH 4 Cl and NH 3 NH 4 + NH 3 ที่มา: ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติม เคมี เล่ม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.
5 หน่วย pH) ซึ่งทำได้โดยเติมอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมลงไปในสารละลายที่ต้องการวัด pH แล้วเปรียบเทียบกับสารละลาย ทำได้โดยเติมอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมลงไปในสารละลายที่ต้องการวัด pH แล้วเปรียบเทียบสีกับสารละลายบัฟเฟอร์ที่ทราบค่า pH แน่นอน ซึ่งได้เติมอินดิเคเตอร์ชนิดเดียวกันไปแล้ว หรือใช้กระดาษชุบอินดิเคเตอร์ (กระดาษ pH) จุ่มลงไปแล้วเปรียบเทียบกับสีมาตรฐาน 2. วิธีวัดความต่างศักย์ วิธีนี้วัด pH ได้อย่างละเอียด (มีความถูกต้อง 0. 01 หน่วย pH) โดยการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า พีเอชมิเตอร์ ซึ่งวัด pH ของสารละลายได้โดยการวัดความต่างศักย์ระหว่างขั้วไฟฟ้า 2 ขั้ว ภาพแสดงเครื่องพีเอชมิเตอร์
1 1 หยด สังเกตสีของสารละลายเทียบกับสารละลายในข้อ 3 บันทึกผลแล้วหยดต่อไปจนกระทั่งสีของสารละลายเปลี่ยนไปบึนทึก ส่วนที่ 2 เติมสารละลาย HC1 0.
00 นอกจากนี้สามารถบอกความเป็นกรด-เบสของสารละลายในรูปความเข้มข้นของ OH – ก็ได้ โดยค่า pOHค่า pOH ใช้บอกความความเป็นกรด- เบสของสารละลายเจือจางได้เช่นเดียวกับค่า pH ซึ่งค่า pOH จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ OH – โดยกำหนดความสัมพันธ์ดังนี้ ตัวอย่างการคำนวณค่า pOH สารละลาย NaOH เข้มข้น 0. 01 โมลต่อลูกบาศก์เซนติเมตร มี pH เท่าใด วิธีทำ NaOH (aq) ————-> Na + (aq) + OH – (aq) 0. 01 mol/dm 3 0. 01 mol/dm 3 = 1 x 10 -2 mol/dm 3 pOH = -log[OH –] = -log 1×10 -2 mol/dm 3 = 2log10 – log1 pOH = 2 ในสารละลายที่เป็นกลางซึ่งมี [OH –] = 1. 0 x 10 -7 mol/dm 3 จะมี pOH = 7 ความสัมพันธ์ระหว่าง pH กับ pOH [H 3 O +][ OH –] = 1. 0 x 10 -14 log[H 3 O +][ OH –] = log1. 0 x 10 -14 log[H 3 O +] + log[OH –] = log1. 0 – 14 log10 – log[H 3 O +] – log[OH –] = 14 log10 มาตราส่วน pH (pH scale) ใช้บอกความเป็นกรด-เบสของสารละลาย (ที่มา: สุนทร พรจำเริญ เอกสารประกอบการสอนเรื่องกรด-เบส โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์) ตารางแสดง สเกล pH ของสารละลายที่มีความเข้มข้นต่างๆ กัน วิธีวัด pH ของสารละลายวัดได้ 2 วิธี ดังนี้ 1. วิธีเปรียบเทียบสี วิธีนี้เป็นการวัด pH โดยประมาณ (มีความถูกต้อง 0.
10 ตาราง8. 10ตัวอย่างสารละลายบัฟเฟอร์ กรด(HA) คู่(A) 1. สารละลายของกรด และเกลือ 2. สารละลายของกรด และเกลือ 3. สารละลายของกรด และเกลือ 4. สารละลายของกรด และเกลือ 5. สารละลายของกรด และเกลือ 6.
02 ฉันควรใช้สารละลายบัฟเฟอร์ pH กี่รายการ? คุณต้องเลือกสารละลายบัฟเฟอร์ที่ใช้สำหรับการสอบเทียบตามค่า pH ของตัวอย่าง ตัวอย่างเช่น หากคาดว่าตัวอย่างจะมีค่า pH 7. 45 การสอบเทียบต้องใช้สารละลายบัฟเฟอร์ที่มีค่า pH ตั้งแต่ 7. 00 ถึง 9. 21 (หรือใกล้เคียงกัน) ใช้สารละลายบัฟเฟอร์ใหม่อย่างน้อย 2 รายการสำหรับการสอบเทียบ การสอบเทียบทุกครั้งควรมีสารละลายบัฟเฟอร์ pH 7. 00 ด้วยหรือไม่? เมื่ออ้างอิงตามเภสัชตำรับของสหรัฐอเมริกาและยุโรป (USP และ EP ตามลำดับ) การสอบเทียบไม่จำเป็นต้องมี pH 7. 00 แต่หากการสอบเทียบดำเนินการตามเภสัชตำรับของญี่ปุ่น (JP) คุณจำเป็นต้องใช้สารละลายบัฟเฟอร์ pH 6. 86 (ฟอสเฟต) ในการสอบเทียบตาม EP มีเพียงสารละลายบัฟเฟอร์ pH 4. 01 (พาทาเลต) เท่านั้นที่เป็นสารละลายบังคับ หากไม่ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดใดๆ หลักการที่ต้องยึดตามนั้นง่ายมาก กล่าวคือ สารละลายบัฟเฟอร์ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับสอบเทียบก็คือสารละลายบัฟเฟอร์ที่มีช่วงค่า pH ครอบคลุมค่า pH ของตัวอย่าง เช่น ในการควบคุมคุณภาพที่ทุกตัวอย่างควรมีค่า pH ระหว่าง 3. 5 ถึง 3. 8 การสอบเทียบแบบ 2 จุดที่มีค่า pH 2. 00 ถึง 4. 01 ถือว่าเพียงพอแล้ว กรณีดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีการสอบเทียบด้วย pH 7.
9 ตาราง8. 9 การเปลี่ยนแปลง ph เมื่อเติมHCLและNaOHจำนวนเล็กน้อยลงในน้ำบริสุทธิ์และสารละลายบัฟเฟอร์ สารละลาย pH pH ที่เปลี่ยนแปลง น้ำ (1000) น้ำ + 0. 01 mol HCl น้ำ + 0. 01 mol NaOH สารละลายบัฟเฟอร์ (1000) บัฟเฟอร์ + 0. 01 mol HCl บัฟเฟอร์ + 0. 01 mol NaOH 7 2 12 4. 74 4. 66 4. 83 – 5 0. 08 0.
pH ของสารละลาย ในสารละลายกรดหรือเบสจะมีทั้ง H 3 O + และ OH – อยู่ในปริมาณที่แตกต่างกัน การบอกความเป็นกรด เป็นเบสของสารละลายโดยใช้ความ เข้มข้นของ H 3 O + หรือ OH – มักเกิดความผิดพลาดได้ง่ายเพราะสารละลายมักมีความเข้มข้นของ H 3 O + หรือ OH – น้อย ดังนั้นในปี ค. ศ. 1909 นักเคมีชาวสวีเดนชื่อ ซอเรสซัน (Sorensen) ได้เสนอให้บอกความเป็นกรด-เบสของสารละลายในรูปมาตราส่วน pH ย่อมาจากภาษาฝรั่งเศสว่า puissance d, hydrogine แปลว่า กำลังของไฮโดรเจน (power of hydrogen) โดยกำหนดว่า เมื่อความเข้มข้นของ H 3 O + มีหน่วยเป็น mol/dm 3 หรือ Molar ในสารละลายที่เป็นกลาง [H 3 O +] = [OH –] = 1. 0 x 10 -7 mol/dm 3 ดังนั้น หา pH ของสารละลายได้ดังนี้ pH = – log[H 3 O +] = – log 1. 0 x 10 -7 = – (log 1. 0 – 7log10) = 0 + 7 = 7 นั่นคือสารละลายที่เป็นกลางมี pH = 7 ค่า pH ที่ใช้ระบุความเป็นกรดหรือเบสของสารละลาย สรุปได้ดังนี้ สารละลายกรด มี [H 3 O +] มากกว่า 1. 0 x 10 -7 mol/dm 3 ดังนั้น pH<7. 00 สารละลายที่เป็นกลาง มี [H 3 O +] เท่ากับ 1. 0 x 10 -7 mol/dm 3 ดังนั้น pH = 7. 00 สารละลายเบส มี [H 3 O +] น้อยกว่า 1. 0 x 10 -7 mol/dm 3 ดังนั้น pH>7.
วิธีเปรียบเทียบสี วิธีนี้เป็นการวัด pH โดยประมาณ (มีความถูกต้อง 0. 5 หน่วย pH) ซึ่งทำได้โดยเติมอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมลงไปในสารละลายที่ต้องการวัด pH แล้วเปรียบเทียบกับสารละลาย ทำได้โดยเติมอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมลงไปในสารละลายที่ต้องการวัด pH แล้วเปรียบเทียบสีกับสารละลายบัฟเฟอร์ที่ทราบค่า pH แน่นอน ซึ่งได้เติมอินดิเคเตอร์ชนิดเดียวกันไปแล้ว หรือใช้กระดาษชุบอินดิเคเตอร์ (กระดาษ pH) จุ่มลงไปแล้วเปรียบเทียบกับสีมาตรฐาน 2. วิธีวัดความต่างศักย์ วิธีนี้วัด pH ได้อย่างละเอียด (มีความถูกต้อง 0. 01 หน่วย pH) โดยการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า พีเอชมิเตอร์ ซึ่งวัด pH ของสารละลายได้โดยการวัดความต่างศักย์ระหว่างขั้วไฟฟ้า 2 ขั้ว สูตรที่ ใช้เมื่อไหร่ สูตรว่าอย่างไร 1. หาค่าของ[H +][OH -] [H +][OH -] = 1. 0 x 10 – 14 2. หาค่า pH pH = -log[H +] 3. หาค่า pOH pOH = -log[OH -] 4. หาค่า pH + pOH pH + pOH = 14 5. หาค่า H +, OH - H + = [H +] x V หรือ OH - = [OH -] x V 1, 000 1, 000 ในกรณีนี้ H +, OH - มีค่าออกมาเป็น mol V ปริมาตรของสาร ตัวอย่างที่ 1 ให้หาค่า pH ของสารละลายที่มี H 3 O + เท่ากับ 1 x 10 -11 และ 6 x 10 -14 โมล/ลิตร วิธีทำ [ H 3 O +] = 1 x 10 -11 pH = -log[ H 3 O +] = -log[1 x 10 -11] = 11 [ H 3 O +] = 6 x 10 -4 pH = -log[ H 3 O +] = -log[6 x 10 -4] = 4 - log6 = 4 - 0.